สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2559 ในประเทศไทย เราเชื่อกันว่าปีที่ผ่านมาหลาย ๆ คนคงได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย ก็นะ…พอถึงเทศกาลหยุดยาวทีไร สถานที่ท่องเที่ยวฮอต ๆ ทั่วประเทศจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพวิวสวย ๆ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านหรือชิมอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ ทั้งนั้น ฉะนั้นเลยมาประมวลผลให้ดูกันว่า สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี 2559 มีที่ไหนกันบ้าง แล้วเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่เหล่านั้นกันมาบ้างหรือยัง ? โดยเราจะเริ่มกันที่
1. เกาะตาชัย

เกาะสุดฮอตซึ่งเพิ่งเปิดให้ท่องเที่ยวไม่นาน โดยได้รับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิมิลันในปี พ.ศ. 2541 แต่ความงามของท้องทะเล หาดทราย และบริสุทธิ์ ก็ทำให้ชื่อของ เกาะตาชัย ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตได้ไม่ยากเลย ซึ่งเสน่ห์อันดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกหนึ่ง คือ การเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวมีสีแดงสด ก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน และเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ จึงเป็นที่มาของชื่อ (ควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของไกด์) สำหรับการเดินทางมาเที่ยวเกาะตาชัยนั้น จะเป็นแบบ One Day Trip เพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถพักบนเกาะได้
2. เกาะล้าน

เกาะล้าน ไม่เคยจางหายไปไหนเมื่อมีการจัดอันดับความนิยม เพราะใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมหาดทรายและน้ำทะเลของเกาะก็สวยน่าเล่นที่สุด แหม…ใครจะคาดคิดว่าห่างจากพัทยามาเพียง 7 กิโลเมตร จะได้สัมผัสกับน้ำทะเลใสในโทนสีออกฟ้าเข้มราวทะเลฝั่งอันดามัน หาดทรายก็ขาวละเอียดนุ่มเท้าล่ะ (จริงไหม) นอกจากนี้ ที่พักเกาะล้าน ยังมีให้เลือกสรรมากมายตามความชอบอีกด้วย
3. เขาใหญ่

เขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวสุดคลาสสิกที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะไม่ว่าจะฤดูไหนความงดงามของเขาใหญ่ก็แปรเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ จะร้อน ฝน หรือหนาวก็สวยไปซะหมด ซึ่งสถานที่ที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นธรรมชาติ เช่น น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกเหวนรก, น้ำตกผากล้วยไม้, หอดูสัตว์, จุดชมวิวผาเดียวดาย และอ่างเก็บน้ำสายศร เป็นต้น นอกจากนี้ บริเวณใกล้ ๆ เขาใหญ่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชิค ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้ง Palio, Primo Piazza, Sheep Land, ตลาดน้ำเขาใหญ่, The Bloom by ทีวีพูล, The Pete Maze และเขาใหญ่
พาโนรามา ฟาร์ม ฯลฯ แถมที่นี่ยังมีที่พักเขาใหญ่เก๋ ๆ ให้เลือกสรรเพียบ
4. ดอยอ่างขาง

ดอยอ่างขาง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในปี 2557 ได้ไม่ยากเลย อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ไปชื่นชมหลากหลาย เช่น สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง, สวนบอนไซ, จุดชมวิวกิ่วลม, พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ 1 (ฝาง) โดยเฉพาะการไปสัมผัสกับวิถีชีวิชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ณ หมู่บ้านขอบด้ง, หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านหลวง แต่ดูเหมือนว่าไฮไลท์ที่หลาย ๆ คนรอคอย คือ การไปเก็บสตรอว์เบอร์รีตามสวนต่าง ๆ
5. ดอยอินทนนท์

เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ ดอยอินทนนท์ กลับเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสุด ๆ เพราะทุกที่สถานที่เที่ยวเด่นถูกเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางอย่างดี ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากเดินทางไปพักผ่อนเสมอเมื่อมีโอกาส แต่สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางเท่านั้น ด้วยสภาพภูมิประเทศ สภาพป่าที่หลากหลาย และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือบทั้งวัน บางครั้งน้ำค้างยังกลายเป็นน้ำค้างแข็ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็มีอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์, ตลาดม้ง, กิ่วแม่ปาน, หมู่บ้านม้งขุนกลาง, พระมหาธาตุนภเมทนีดล พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ, น้ำตกวชิรธาร, น้ำตกสิริภูมิ, น้ำตกผาดอกเสี้ยว, บ้านแม่กลางหลวง และจุดสูงสุดบนยอดดอยอินทนนท์ เป็นต้น
6. ม่อนแจ่ม

ม่อนแจ่ม (อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่) ก็พุ่งทะยานติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทันที เพราะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทิวภูเขาสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา อีกด้านเป็นแปลงปลูกพืชและไม้เมืองหนาวของโครงการหลวง และมีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้า ทำให้นักเดินทางต่างก็อยากไปชื่นชมด้วยตัวเองทั้งนั้น และการได้ไปชิมอาหารปรุงสด ๆ กับผลผลิตท้องถิ่นที่ปลูกเอง เคล้ากับทิวทัศน์กว้างไกลสบายตา
7. ภูทับเบิก

“นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน” คำกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิดเมื่อได้มา ณ ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะที่นี่มีความสูงจากระดับทะเลประมาณ 1,768 เมตร มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์และเย็นสบายตลอดปี อีกทั้งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล
8. ภูกระดึง

ภูกระดึง จังหวัดเลย สถานที่แห่งนี้นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ แถมเมื่อได้ไปถึงบนยอดภูกระดึงแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับความธรรมชาติ เช่น ผาหล่มสัก ลานหินกว้างและมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด, ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา และชมต้นเมเปิลที่ต่างพากันผลัดใบในป่าปิด
9. สามพันโบก

สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี ประติมากรรมทางธรรมชาติสุดอลังการกลางลำน้ำโขง ที่ทางธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาให้เราได้ชมความมหัศจรรย์นี้ ซึ่งเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก เกิดจากแรงน้ำวนกัดเซาะ กลายเป็นแอ่งมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3,000 โบก โดยจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้งที่น้ำแห้งขอดเท่านั้น ทำให้นักเดินทางต่างรอคอยเวลาที่จะไปพบปะกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา จนชาวบ้านเรียกว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย และนอกจากความงามของแก่งหินขนาดใหญ่ในลำน้ำโขง
10. กาญจนบุรี

ดินแดนแห่งธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วยผืนป่า พรรณไม้ โถงถ้ำ น้ำตก และประเพณีวัฒนธรรมอันหลากหลายของผู้คนหลากเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออารี ทั้งไทย พม่า มอญ ปกากะญอ (กะเหรี่ยง) ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น กาญจนบุรียังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีอนุสรณ์สถานหลายแห่งปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน เช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สุสานทหารสัมพันธมิตร และพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ฯลฯ
และนี้คือสถานที่ท่องเที่ยว ที่เรายกตัวอย่างมาให้เพื่อนๆได้ดูกัน ในประเทศไทยคงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม อีกมากมาย ในแต่ละที่ก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป เอาเป็นว่าลองหาเวลาว่างๆ หาโอกาสไปเที่ยวกันดูนะจ๊ะ แล้วคุณจะรู้ว่าเมืองไทย น่าเที่ยวมากแค่ไหน....